กำจัดหนู 101 ตัวทำลายประจำบ้าน
การกำจัดหนู เป็นปัญหาที่หลายๆครัวเรือนหลีกเลี่ยงได้ยาก แม้แต่สถานประกอบการเองก็ยังไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ ซึ่งปัญหาหนูจะเป็นปัญหาที่เรื้อรังในอนาคตก็ต่อเมื่อ เราไม่ได้ดูแลทำความสะอาดพื้นที่นั้นๆ หรือเกิดผลกระทบจากปัจจัยภายนอกส่งผลให้เกิดปัญหาหนู เช่น น้ำท่วม เป็นต้น เมื่อเกิดปัญหาหนูแล้ว ผู้เขียนเชื่อว่าคงจะมีสิ่งของหรืออาหารจำนวนไม่น้อยที่โดนเจ้าตัวปัญหามากัดกิน หรือทำลาย ในบทความนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนูเบื้องต้น แต่ก่อนอื่นเราลองมาทำความรู้จักสิ่งมีชีวิตชนิดนี้กันก่อน
หนูมาจากไหน และหนูมีกี่ชนิด
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสายพันธ์ของสัตว์ชนิดนี้ก่อนว่าเป็นสายพันธุ์ไหน โดยหนูที่พบบ่อยในไทยจะแบ่งออกเป็น 4 ชนิดใหญ่ๆ ได้แก่ หนูนอร์เวย์ หนูท้องขาวบ้าน หนูหริ่ง และหนูจี๊ด
หนูนอร์เวย์
หนูชนิดนี้ เป็นหนูที่พบบ่อยที่สุดในบรรดาหนู อีกทั้งยังมีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไปตามแต่ละพื้นที่ เช่น หากอยู่ตามร้านอาหาร จะเรียกว่า หนูท่อ อยู่ในที่พักอาศัย จะเรียกว่า หนูบ้าน เป็นต้น โดยหนูประเภทนี้มีสัญชาติญาณในการเอาตัวรอดที่สูงมาก ประกอบกับความคล่องตัว และการปรับตัวตามสภาพแวดล้อม ส่งผลให้หนูชนิดนี้ แพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและมีจำนวนมาก สิ่งที่หนูนอร์เวย์ต้องการมีเพียงไม่กี่อย่าง ได้แก่ อาหาร น้ำ ที่พักพิง ในส่วนของอาหารหนูนอร์เวย์กินได้แทบทุกอย่าง แต่สิ่งที่มันชอบกินก็ คือ ขนมปัง หัวปลาทู ส่วนที่พักพิง มีเพียงแค่พื้นที่ปลอดคน หรือที่แคบๆก็เพียงพอแล้ว แต่โดยทั่วไปหากหนูชนิดนี้อาศัยอยู่นอกบ้าน มันจะขุดดินแล้วอยู่ในหลุม หรืออยู่ตามใต้ถุนบ้าน หนูบ้านจะมีขนาดอยู่ที่ 18 – 23 ซม. และน้ำหนัก 200 – 1000 กรัม ออกลูกได้ครั้งละ 7 – 8 ตัว นอกจากนี้มันยังสามารถเดินทางหาแหล่งอาหารใหม่ได้ไกลถึง 3 กม.เลยทีเดียว
หนูท้องขาวบ้าน
หนูท้องขาวบ้าน หรือ หนูหลังคา ส่วนมากจะพบในแถบชนบท อาศัยอยู่บนหลังคาบ้าน หรือตามสวน ไร่นา บางส่วนก็ทำรังบนต้นไม้ หนูชนิดนี้เป็นหนูที่มีขนาดไม่ใหญ่ ถ้าเทียบกับหนูบ้าน เป็นหนูที่ทำให้เกษตรกรปวดหัว เพราะจะคอยกินและทำลายพืชผลต่างๆ หนูท้องขาวเป็นหนูที่มีทักษะการปีนป่ายสูงมาก เหตุผลก็คือ เพื่อป้องกันตัวมันเองจากนักล่าที่อยู่ตามพื้นดิน เช่น งู ตะขาบ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หนูท้องขาวยังคงเป็นปัญหากับผู้คนอยู่ดี เนื่องจากเสียงของมันในตอนกลางคืนทำให้เกิดความรำคาญอย่างมาก ยังไม่นับเรื่องของคนที่กลัวผีด้วยนะ ถ้าได้ยินเสียงกุกกักของหนูหลังคาแบบนี้ก็มีขนลุกกันบ้าง ลักษณะทางกายภาพของหนูท้องขาวจะต่างจากหนูบ้านตรงที่มันมีขนาดเล็กกว่า มีขนาด 18 ซม. ส่วนน้ำหนัก ก็จะอยู่ระหว่าง 90 – 250 กรัม
หนูหริ่ง
หนูหริ่งเป็นหนูที่พบได้ทั้งในที่อยู่อาศัยและพื้นที่เกษตรกรรม หนูหริ่งเป็นหนูที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาหนูทั้ง 4 ชนิด โดยขนาดของมันยาวเพียง 10 – 15 ซม, น้ำหนัก 20 – 55 กรัม หนูหริ่งชอบกินพืชมากกว่ากินเนื้อ มันจะกินเมล็ดพืช และพืชผลทางการเกษตร นอกจากนี้มันยังชอบทำลายเสื้อผ้า สายไฟ กระดาษต่างๆอีกด้วย หนูหริ่งจะอาศัยอยู่ตามลิ้นชัก ซอกหลืบต่างๆ ด้วยความที่ขนาดตัวของมันเล็กมากทำให้มันสามารถอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่มีแต่นักล่าได้อย่างง่ายดาย แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ในเรื่องของการตั้งถิ่นฐาน เนื่องจากตัวเล็กเวลาเจอหนูชนิดอื่นมาแย่งถิ่นฐาน ทำให้พวกมันต้องย้ายถิ่นเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้นั่นเอง
หนูจี๊ด
หนูจี๊ด เป็นหนูขนาดเล็กสมชื่อ โดยมีขนาดเพียง 10 – 18 ซม.เท่านั้น ส่วนน้ำหนักก็ประมาณ 30 – 36 กรัม สามารถพบได้ทั่วไปทั้งบริเวณพื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่เกษตรกรรม แต่ไม่พบในที่โล่งอย่างทุ่งนา มักจะอยู่ตามป่า หรือถ้ำมากกว่า นอกจากนี้หนูจี๊ด ยังเป็นหนูที่ปีนป่ายเก่งมาก สามารถปีนสายไฟเส้นเล็กๆได้อย่างง่ายดาย เท่านั้นยังไม่พอ มันยังเป็นนักว่ายน้ำชั้นยอดอีกด้วย หนูจี๊ดไม่มีข้อจำกัดในเรื่องอาหาร มันสามารถกินได้ทั้งเนื้อและพืช กินเยอะมากกว่าน้ำหนักตัวถึง 10 เท่า หนูจี๊ดจะทำรังโดยไม่ขุดรู อาศัยในซอกหิน โพรงไม้ หรือในที่แคบที่มนุษย์เข้าไม่ถึง
วิธีกำจัดหนู
การกำจัดหนูนั้นมีหลายวิธี เริ่มตั้งแต่การจับไปปล่อยจนถึงขั้นวางยา สาเหตุที่ต้องกำจัดหนู เพราะ หนูเป็นพาหะนำโรค นอกจากนี้ของเสียต่างๆ เช่น ฉี่หนู ก็ทำให้สภาพแวดล้อมในที่อยู่อาศัยดูไม่มีสุขอนามัย นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆอีก เช่น หนูเข้าห้องเครื่อง ทำให้เครื่องยนต์เสีย หนูเข้าห้องนอนทำให้ไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ หนูกัดสายไฟทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อทำตามนี้
1. ใช้กรงดักหนู
การใช้กรงดักหนูเป็นวิธีที่มีมาตั้งแต่โบราณ เป็นวิธีที่มีจริยธรรมเนื่องจาก จับได้ก็เอาไปปล่อย ไม่ต้องเอาชีวิตหนู หากต้องการใช้กรงดักหนู สามารถซื้อได้ที่ พิกัดสินค้า กรงดักหนู
2. ใช้สเปรย์ไล่หนู
การใช้สเปรย์ไล่หนู เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ไม่ทำร้ายหนู สามารถใช้เพื่อป้องกันพื้นที่บางพื้นที่ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ได้ทุกที่อีกด้วย ไม่ว่าจะแคบแค่ไหนก็ใช้ได้ พิกัดสินค้า สเปรย์ไล่หนู
3. ใช้กาวดักหนู
การใช้กาวดักหนูเป็นวิธีที่ผู้เขียนคิดว่ามีประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถกำจัดหนูได้อย่างแน่นอนและไม่ย้อนกลับมาอีก โดยเมื่อดักได้แล้วก็ทิ้งไปพร้อมกับกาวเลย อาจดูโหดร้ายแต่ได้ผลดี พิกัดสินค้า กาวดักหนู
4. ใช้ยาเบื่อหนู
การใช้ยาเบื่อหนูค่อนข้างอันตราย แต่ได้ผลดีมากและใช้ได้ในวงกว้าง การใช้ยาเบื่อหนูต้องระวังเรื่องสัตว์เลี้ยง และเด็ก เป็นพิเศษ หากดูแลได้ ก็ไม่มีปัญหาในการใช้ พิกัดสินค้า ยาเบื่อหนู
5. ใช้เหยื่อพิษ
การใช้เหยื่อพิษเป็นทางเลือกขั้นสุดท้ายในการใช้กำจัดหนู เนื่องจากเหยื่อพิษอันตรายมาก แต่หากเรานำไปใส่ในกล่องหรือทำเป็นกับดัก ก็จะทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยเหยื่อพิษจะทำให้หนูแห้งตาย กลิ่นเหม็นลดลง แต่ก็ยังต้องเก็บซาก พิกัดสินค้า เหยื่อพิษหนู กล่องใส่เหยื่อพิษ